การปรับโฉมครั้งล่าสุดของ Nissan Terra ได้มีการเพิ่มรุ่น Sport ที่มาพร้อมกับสีใหม่ Stealth Grey ที่เคยมีอยู่ใน Navara Pro4X และติดตั้งชุดแต่งรอบคันสีดำ กับราคา 1555000 บาท หรือถ้าใครไม่เน้นของแต่งรอบคันก็ยังมี VL 4x4 ให้เลือกในราคา 1519000 บาท 

ขุมพลังของ Terra Sport ยังคงเป็นเครื่องยนต์ YS23DETT เทอร์โบคู่ บล็อกนี้มีพละกำลังติดตัวมาที่ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร กับเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีดและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part Time 4WD พร้อมกับ ดิฟล็อกล้อคู่หลัง

เป็นครั้งแรกที่ได้พา Terra ออกทริปไกลๆ เพราะทริปนี้ยิงยาวกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ระยะทางไปกลับ 1600 กม. กับผู้โดยสาร 4 คน และสัมภาระเต็มอัตราศึก ความเร็วเดินทางอยู่ที่ 100-110 กม./ชม. ว่ากันด้วยเรื่องกายภาพของ Terra จัดอยู่ในกลุ่ม PPV/SUV คือพื้นฐานมาจากรถกระบะนั่นเองครับในกลุ่มนี้มีเพื่อนร่วมคลาสสหลายรุ่น ตั้งแต่ Toyota Fortuner Isuzu Mu-x Ford Everest Mitsubishi Pajero Sport ล้วนแล้วแต่ใช้พื้นฐานมาจากกระบะด้วยกันทั้งสิ้น ตามมาด้วยเรื่องความสะดวกสบายในห้องโดยสาร Terra น่าจะเป็นรุ่นเดียวที่ติดตั้งจอที่เพดานมาด้วยทำให้เป็นรถที่ออกแบบมาเดินทางกับครอบครัวที่มีเด็กๆร่วมทางไปด้วย เบาะแถวสองพับง่ายด้วยปุ่มกดแต่เวลาพับกลับต้องใช้แรงพับกันเล็กน้อย

ในมุมของผู้ขับ Terra การตอบสนองของเครื่องยนต์อาจจะขัดใจเล็กๆในช่วงรอบต้นที่มีจังหวะหนืดของคันเร่งก่อนบู๊สติดแต่ถ้ามีบู๊สเมื่อไรขับสนุกทันทีเร่งทันใจไปต่อเนื่องกับความเร็วเดินทาง 100-110 กม./ชม. ช่วง kickdown ต้องเครื่องจะลดเกียร์ต่ำลงประมาณ 2 เกียร์ ถึงจะมีกำลังเร่งแซง เรื่องเสียงรบกวนเข้ามาในห้องโดยสารถือว่าน้อยลงมากเพราะมีการติดตั้งกระจกแบบ Acoustic Glass ที่ 3 บานหน้าเป็นอีกจุดเด่นของ Terra Sport 

และที่ขาดไม่ได้กับอัตราสิ้นเปลืองตลอดทั้งทริป ทำได้อยู่ที่ 14-15 กม./ลิตร ตัวเลขนี้น่าจะเป็นตัวเลขที่ประหยัดที่สุดในกลุ่ม ppv

Driver Recomment : กับเจ้า Terra เป็นรถที่ดีอีกรุ่น ด้วยราคาที่รุ่นท๊อปขับสี่ในราคา 1.5 ล้านโดยที่คู่แข่งราคาจะไปอยู่ที่ 1.6 ล้านขึ้นไปจนถึง 1.9 ล้าน ช่วงล่างเซ็ทออกมากลางๆ ไม่นุ่ม ไม่แข็งจนเกินงาม เก็บเสียงดี จัดเป็นรถครอบครัวที่น่าสนใจอีก 1 รุ่น ส่วนจุดพิจารณาคือ ล้อแม็กที่ใช้รูน็อตล้อต่างจากเพื่อนร่วมคลาสคือ 6 รู 114.3 ส่วนรุ่นอื่นๆใช้ 6 รู 139.7 อาจจะหาล้อเปลี่ยนอยากแต่พอหาได้ครับ