ทีเอพี ขยับพอร์ตชู “Guinness” ต้นกำเนิดแบรนด์ไอริชแท้ๆ พร้อมรุกตลาดเครื่องดื่มซุปเปอร์พรีเมี่ยมในไทย
ทีเอพี ขยับพอร์ตชู “Guinness” ต้นกำเนิดแบรนด์ไอริชแท้ๆ พร้อมรุกตลาดเครื่องดื่มซุปเปอร์พรีเมี่ยมในไทย
ทีเอพี ขยับพอร์ตชู “Guinness” ต้นกำเนิดแบรนด์ไอริชแท้ๆ พร้อมรุกตลาดเครื่องดื่มซุปเปอร์พรีเมี่ยมในไทย
บริษัท ทีเอพี เทรดดิ้ง จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย “กินเนสส์” (Guinness) รุกเซกเมนต์ซุปเปอร์พรีเมี่ยม พร้อมส่งกลยุทธ์การสื่อสาร “It’s Guinness Time” ชวนคนไทยสัมผัสเรื่องราวและวัฒนธรรมของชาวไอริชแท้ๆ จากเครื่องดื่มที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 265 ปี ประเดิมเปิดกิจกรรมพิเศษในช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองวันชาติไอร์แลนด์ หรือวันเซนต์แพทริค (Saint Patrick’s Day) ตลอดช่วงเดือนมีนาคมนี้ที่เอาท์เล็ตชั้นนำทั่วไทย สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมและวิถีการกินดื่มจากต้นฉบับชาวไอริสและเปิดโอกาสให้คนไทยได้รู้จักแบรนด์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ทีเอพี ผู้นำตลาดเครื่องดื่มระดับพรีเมี่ยมที่มีพอร์ตครอบคลุมในหลายเซกเมนต์ ทั้งพรีเมี่ยมแมส พรีเมี่ยม และซุปเปอร์พรีเมี่ยม โดยเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มแบรนด์ระดับโลกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “กินเนสส์” แบรนด์สเตาต์สัญชาติไอริชที่มีบทบาทสำคัญในการเข้ามาเสริมแกร่งพอร์ตปี 2567 โดยมาจากการเล็งเห็นศักยภาพของแบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เอกลักษณ์จากการ
เป็นเครื่องดื่มต้นฉบับไอริชแท้ๆ ส่งตรงจากประเทศไอร์แลนด์ พร้อมกับประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าสนใจ รวมทั้งคุณภาพของเครื่องดื่มระดับโลกที่อัดแน่นด้วยวัตถุดิบพรีเมี่ยม ซึ่งทางทีเอพีได้รับสิทธ์ในการนำเข้าและจัดจำหน่าย กินเนสส์ ในประเทศไทย มาเป็นเวลากว่า 14 ปี ตั้งแต่ปี 2553 โดยเริ่มจากการเจาะกลุ่มเป้าหมายชาวต่างชาติ (Expat) และชาวไอริชที่อยู่ในประเทศไทย ผ่านการจำหน่ายในเอาท์เล็ตชั้นนำ โดยเฉพาะร้านอาหาร ผับ บาร์ สไตล์ไอริช และในปีนี้ กินเนสส์ ได้วางเป้าหมายในการเข้าถึงคนไทยมากขึ้น ด้วยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าพรีเมี่ยมรวมไปถึงกิจกรรมในเอาท์เล็ตและกิจกรรมทางการตลาดตลอดทั้งปี
กินเนสส์ แบรนด์สเตาต์ระดับโลก เครื่องดื่มประจำชาติและจิตวิญญาณของชาวไอริช
กินเนสส์ แบรนด์สเตาต์ที่ถูกขนานนามว่า “ราชาแห่งเบียร์ดำ” ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2302 (ค.ศ 1759) โดย อาเธอร์ กินเนสส์ (Arthur Guinness) นักธุรกิจชาวไอร์แลนด์ ผู้คิดค้นและพัฒนาปรับสูตรเบียร์ดำพอร์เตอร์ (Porter) ให้กลายเป็นสเตาต์ (Stout) โดยการเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์ อัดก๊าซไนโตรเจนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ในขั้นตอนการผลิต โดยกินเนสส์ถือเป็นเครื่องดื่มประจำชาติไอร์แลนด์และหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สื่อถึงวัฒนธรรมกินดื่มของชาวไอริชตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อเกิดการเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะในวันสำคัญอย่างวันเซนต์แพทริค (St. Patrick’s Day) หรือวันชาติไอร์แลนด์ ที่ชาวไอริชมักจะดื่มกินเนสส์ในการฉลองร่วมกัน แสดงให้เห็นว่ากินเนสส์เป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่มีประวัติศาสตร์ อันยาวนานอยู่คู่กับชาวไอริชมาอย่างยาวนาน
เบื้องหลังของที่จะขาดไปไม่ได้คือกระบวนการผลิตที่มีความพิเศษและพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ในการผลิต กินเนสส์จะมีการใช้วัตถุดิบหลักจากธรรมชาติ 4 อย่าง ได้แก่ น้ำ ข้าวบาร์เล่ย์ ดอกฮอป และยีสต์ โดยมีการเติมดอกฮอปจำนวนมากเพื่อเป็นส่วนผสมหลัก และนำข้าวบาร์เล่ย์ที่ผ่านการเผาที่อุณหภูมิ 232 องศา มาผสมผสานกันอย่างลงตัว จนทำให้กินเนสส์กลายเป็นเครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์และจุดเด่นเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ที่ทำให้ กินเนสส์ ครองใจลูกค้าพรีเมี่ยมทั่วโลก
อีกหนึ่งไฮไลท์ของ กินเนสส์ คือโรงงานผลิตที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่างโรงงาน St. James’s Gate ต้นกำเนิดของการผลิตกินเนสส์ ในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ หนึ่งในโรงงานผลิตเบียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีกำลังการผลิตกว่า 1.2 ล้านบาร์เรลต่อปี และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งในปี 2557 กินเนสส์ได้เปิดตัว “Brewhouse 4” โรงงานผลิตและศูนย์กระจายสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่สุดในโลก และเป็นโรงงานแรกที่ได้รับรางวัลการันตีมาตรฐาน LEED Certification ระดับ Platinum และมาตรฐาน BREEAM ระดับ Outstanding ที่แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์และคุณภาพระดับโลกทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของกินเนสส์ ซึ่งในปัจจุบันกินเนสส์มีโรงงานผลิตในประเทศครอบคลุมกว่า 49 ประเทศ และจัดจำหน่ายในกว่า 120 ประเทศทั่วโลก
และในประเทศไทย กินเนสส์ ภายใต้การจัดจำหน่ายของทีเอพี ได้มีการนำเข้ามาในรูปแบบ Guinness Draught วางจำหน่ายตามเอาต์เล็ทชั้นนำกว่า 200 แห่ง โดยล่าสุดได้มีการจัดกิจกรรม “St. Patrick Day Let’s Celebrate Together” ในวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองของชาวไอริชเนื่องในโอกาสวันเซนต์แพทริค (St. Patrick’s Day) โดยมีทั้งชาวไอริชและชาวไทยที่มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ท่ามกลางบรรยากาศการเฉลิมฉลองที่จัดเต็มแสงสีเสียง และขบวนพาเหรด Irish Troop สุดอลังการ ปิดท้ายค่ำคืนแห่งเทศกาลเฉลิมฉลองด้วยการแสดงเต้นและดนตรีสไตล์ไอริชที่สะท้อนเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของประเทศไอร์แลนด์ออกมาได้อย่างชัดเจน